ยูเนี่ยนเพย์ระบุว่า การขยายความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงการชำระเงินได้ขยายจากเอเชียสู่กว่า 50 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยผู้ค้าขนาดกลางและขนาดย่อมหลายสิบล้านรายสามารถเข้าถึงเครือข่ายของยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งช่วยเปิดโอกาสสู่ตลาดผู้บริโภคจีนและสนับสนุนเศรษฐกิจโลก
ในปีนี้ ยูเนี่ยนเพย์ยังผลักดัน New Four-Party Model ซึ่งเปิดกว้างต่อผู้มีส่วนร่วมในระบบนิเวศการชำระเงิน ตั้งแต่ผู้ให้บริการบัญชี ผู้ผลิตอุปกรณ์มือถือ ผู้รับชำระเงิน และผู้ให้บริการระบบรวบรวมการชำระเงิน ความร่วมมือหลายโครงการมีความคืบหน้า อาทิ ICBC ที่ออกบัตรยูเนี่ยนเพย์หลายสกุลเงินในตุรกี และการเชื่อมต่อ QR จีน–เวียดนาม รวมถึงความร่วมมือของ ASPI ในการบูรณาการมาตรฐาน QRIS ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการชำระเงินข้ามพรมแดน ขณะที่ Bank of China สาขาจาการ์ตาได้เริ่มให้บริการชำระเงินด้วยสกุลท้องถิ่น
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังร่วมพัฒนาโซลูชันการชำระเงินกับยูเนี่ยนเพย์ เช่น HSBC ที่ร่วมออกบัตรเครดิตและวอลเล็ตเพื่อเพิ่มความสะดวกและความคุ้มค่า
ภายในงาน ยูเนี่ยนเพย์ยังเปิดตัวโครงการความร่วมมือด้านการชำระเงินแบบเปิด (Joint Initiative on Open Payments) โดยได้รับคำมั่นจาก 72 สถาบันที่จะร่วมพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกที่สอดคล้องตามมาตรฐานสากลและมีความมั่นคงปลอดภัย
ยูเนี่ยนเพย์เน้นย้ำบทบาทของเทคโนโลยี AI ในการยกระดับระบบการชำระเงิน โดยโมเดล AI สามารถตรวจสอบตัวตนผู้ค้า วิเคราะห์พฤติกรรมธุรกรรม และติดตามกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดเวลาในการจัดการธุรกรรมฉ้อโกงข้ามพรมแดนจาก 2–3 วัน เหลือเพียง 1 วัน พร้อมเดินหน้าขยายระบบนิเวศ AI ผ่านความร่วมมือกับสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย และพันธมิตรในอุตสาหกรรม
ภายใต้วิสัยทัศน์ “สายสัมพันธ์ที่วางใจ ความสำเร็จร่วมกัน” ยูเนี่ยนเพย์ย้ำจะร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกต่อไป เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการชำระเงินทั่วโลกอย่างยั่งยืน