กุ้ยหยางโชว์ผลลัพธ์ชัดเจนในการพัฒนาเมืองเชิงนิเวศ

กุ้ยหยางโชว์ผลลัพธ์ชัดเจนในการพัฒนาเมืองเชิงนิเวศ

นครกุ้ยหยาง เมืองเอกของมณฑลกุ้ยโจวที่ได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งป่าไม้” กำลังเดินหน้าพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีระบบ โดยเน้นการจัดการเชิงนิเวศที่มีประสิทธิภาพ การผลักดันอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนภาพของเมืองที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล

อากาศ น้ำ และสิ่งแวดล้อมได้รับการดูแลอย่างจริงจัง

ในปี 2567 คุณภาพอากาศโดยทั่วไปของกุ้ยหยางอยู่ในระดับดีเยี่ยมที่ 99.5% ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 4 จากทั้งหมด 168 เมืองสำคัญทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน แหล่งน้ำผิวดินในพื้นที่ควบคุมระดับชาติและมณฑลก็มีคุณภาพได้มาตรฐานทั้งหมด และแม่น้ำทั้ง 107 สายในพื้นที่ไม่มีแหล่งน้ำที่มีคุณภาพต่ำระดับ Class V หลงเหลืออยู่เลย

พื้นที่เขตกวนซานหูถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีการติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยี IoT โดรน ระบบเซ็นเซอร์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโครงการนำร่องจัดการกลิ่นควันจากการทำอาหารของศูนย์ประชุมโดยกลุ่ม A7 ก็ให้ผลในทางบวก โดยไม่มีการร้องเรียนใด ๆ ตั้งแต่ต้นปี 2568

นอกจากนี้ แม่น้ำเสี่ยวหว่านตอนปลายน้ำได้รับการปรับปรุงจากระดับคุณภาพต่ำระดับ Class V ให้ดีขึ้นเป็นระดับ IV หรือสูงกว่า และมีเสถียรภาพด้านคุณภาพน้ำ ส่วนในเขตชนบท อัตราการบำบัดน้ำเสียอยู่ที่ 97.96% และแหล่งน้ำเน่าเหม็นก็ถูกกำจัดต่อเนื่อง

เศรษฐกิจสีเขียวและความร่วมมือจากประชาชนเดินหน้าไปพร้อมกัน

กุ้ยหยางยึดแนวคิดว่า “น้ำใสสะอาดและภูเขาเขียวขจีคือทรัพย์สินอันล้ำค่า” มาใช้ในการพัฒนา โดยผสานเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้ากับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตำบลจิ่วอันเคยเป็นพื้นที่เหมืองถ่านหินที่สร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นพื้นที่เพาะปลูกชาแทน โดยอาศัยต้นชาเก่าแก่ที่มีอยู่เดิม สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก “ภูเขาถ่าน” เป็น “ภูเขาชา” และชาวเหมืองผันตัวมาเป็นเกษตรกร ปัจจุบันชาจากจิ่วอันส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก

อีกตัวอย่างหนึ่งคือหมู่บ้านฉาหยวน เขตอวิ๋นเหยียน ที่ได้ปรับปรุงระบบระบายน้ำบนถนนหลัก โดยมีทั้งท่อระบายน้ำใต้ดินสำหรับน้ำเสีย และคูเปิดด้านบนสำหรับน้ำฝน การแยกระบบระบายน้ำเช่นนี้ช่วยลดปัญหาน้ำขังและเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตของชาวบ้าน

วัฒนธรรมนิเวศวิทยาขยายสู่สังคมในวงกว้าง

กุ้ยหยางยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจด้านนิเวศในระดับประชาชน โดยจัดตั้งศูนย์นิทรรศการอารยธรรมนิเวศวิทยาในเขตกวนซานหู ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในมณฑลกุ้ยโจว และได้รับการระบุให้เป็นพื้นที่ตัวอย่างด้านสิ่งแวดล้อมสีเขียวและการลดคาร์บอนในปี 2566 ศูนย์นี้ยังเป็นสถานที่สำหรับจัดประชุมด้านนิเวศวิทยาระดับนานาชาติ และเป็นเวทีแสดงผลงานด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเรียนรู้เรื่องนิเวศสำหรับประชาชน และการประกวดศิลปะเชิงนิเวศก็ถูกจัดขึ้นในพื้นที่กวนซานหูภายใต้ “แคมเปญฤดูกาลนิเวศวิทยา” ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งในการส่งเสริมความตระหนักรู้ในวงกว้าง

ด้านวนอุทยานภูเขาเฉียนหลิงในมณฑลกุ้ยโจว เปิดให้ประชาชนเข้าชมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และมีผู้เข้าเยี่ยมชมเกิน 10 ล้านคนต่อปี ด้วยภูมิประเทศที่อุดมไปด้วยความหลากหลายของพืชและสัตว์ ช่วยส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติได้อย่างดี

โฆษกของสำนักงานสิ่งแวดล้อมเชิงนิเวศนครกุ้ยหยางระบุว่า เมืองจะยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์การเป็น “เมืองนิเวศ” อย่างต่อเนื่อง พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอารยธรรมนิเวศวิทยาในระดับประเทศต่อไป