ซือ เสี่ยวหลิน ผู้ว่าการมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแพนด้ายักษ์ กล่าวว่า แพนด้ายักษ์คือ “สมบัติชาติ” และเป็นทูตแห่งสันติภาพและมิตรภาพที่เชื่อมโยงผู้คนทั่วโลก ความร่วมมือในระดับสากลทำให้สถานะการถูกคุกคามของแพนด้ายักษ์ลดลงจากระดับ “ใกล้สูญพันธุ์” (Endangered) สู่ระดับ “มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์” (Vulnerable) สำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน
หลิว กั๋วหง ผู้อำนวยการสำนักบริหารป่าไม้และทุ่งหญ้าแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า การจัดตั้งอุทยานแห่งชาติแพนด้ายักษ์และการบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ ปัจจุบัน แพนด้ายักษ์ที่อยู่ในการดูแลของมนุษย์มีจำนวน 808 ตัว ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ยั่งยืนเพียงพอต่อการอยู่รอดและสืบพันธุ์ในระยะยาว
ด้าน หลี่ว์ เหยียนซง หัวหน้าบรรณาธิการสำนักข่าวซินหัว ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จในการอนุรักษ์แพนด้ายักษ์นี้ถือเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการสร้างอารยธรรมเชิงนิเวศอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญรุ่งเรืองของสังคม และระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ สำนักข่าวซินหัวพร้อมที่จะเผยแพร่แนวคิดอารยธรรมเชิงนิเวศนี้สู่ทั่วโลกต่อไป
ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนเห็นพ้องกันว่า เวทีนี้เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างฉันทามติร่วมกันเพื่อสร้างอารยธรรมเชิงนิเวศและการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลก ดังที่ เอราสตัส มเวนชา อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการสหภาพแอฟริกา ปรารถนาให้ “รอยยิ้มของแพนด้ายักษ์” กลายเป็นภาษาที่งดงามที่สุดในการเชื่อมโยงมิตรภาพของผู้คนทั่วโลก